วิธีที่ดีที่สุดในการตรวจสอบแบตเตอรี่คือการทดสอบการถอดแบตเตอรี่ (Discharge Test) ถึงแม้ว่าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดแต่ก็ไม่นิยมใช้ เพราะ การทำ Discharge Test ต้องใช้เวลาประมาณ 5-7 วัน เพื่อดำเนินการสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายและสิ้นเปลืองเวลาของเจ้าหน้าที่ มีความเสี่ยง เพราะต้องปลดแบตเตอรี่ออกจาก Charger เพื่อทำ Discharge และต้องมีชุดแบตเตอรี่สำรองให้ระบบ ขณะทำ Discharge Test
นอกจากการทำ Discharge Test วิธีอื่นที่เราสามารถวิเคราะห์สภาพของแบตเตอรี่ได้ คือ การใช้ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ (Battery Monitoring System) ระบบที่ทำการการวัดค่าและตรวจสอบสถานภาพของแบตเตอรี่แบบ 24 ชั่วโมง หากแบตเตอรี่ชุดใดชุดหนึ่งเกิดขัดข้องและเสียหายขึ้น ระบบจะมีการส่งข้อมูลไปยังอุปกรณ์ และแสดงผลบนโปรแกรม ทำให้ผู้ใช้สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันก่อนที่จะส่งผลกระทบกับแบตเตอรี่ชุดอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดความเสียหายไปตามๆกัน ซึ่งการใช้ระบบตรวจสอบแบตเตอรี่ (Battery Monitoring System) จะช่วยลดภาระของเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบ มีข้อมูลในการพยากรณ์สภาพแบตเตอรี่ เพื่อวางแผนการบำรุงรักษาและเปลี่ยนแบตเตอรี่ทดแทน สามารถตรวจสอบแรงดัน อุณหภูมิ ค่าความต้านทาน กระแส ได้แบบ Real Time และเก็บข้อมูลเพื่อเรียกดูย้อนหลัง ราคาไม่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับระบบ Monitoring อื่นๆ อีกทั้งยังรองรับการเชื่อมต่อกับ Protocol IEC61850 ในอนาคตอีกด้วย
Comments